Immune Booster
โปรแกรมเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน อีกหนึ่งทางเลือกของคนรักสุขภาพ
ในปัจจุบันนอกจากการดูแลสุขภาพให้แข็งแรงเพียงพอที่จะต่อสู้กับโรคภัยไข้เจ็บแล้ว ปัจจุบันยังมีนวัตกรรมทางการแพทย์ใหม่ ที่เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือก สำหรับคนรักสุขภาพ นั้นก็คือ โปรแกรม Immune Booster
ปัจจุบันคนส่วนใหญ่มีวิถีชีวิตที่เร่งรีบ ทำงานหนัก เครียด พักผ่อนไม่เพียงพอ ยิ่งการเปลี่ยนแปลงของสภาพอาการ ยิ่งเป็นสาเหตุหลักสำคัญที่กระตุ้นให้ร่างกายของเราอ่อนแอลง และ รวมไปถึงการแพร่ระบาดของเชื้อโรคที่เกิดขึ้นง่าย และรวดเร็วมากขึ้น และที่สำคัญไปกว่านั้น ยิ่งอายุเพิ่มมากขึ้น เซลล์เม็ดเลือดขาวที่คอยทำหน้าที่ ต้านทานและกำจัดเชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาสู่ร่างกาย จะทำหน้าที่ป้องกันได้ไม่เต็มที่ ส่งผลให้ภูมิคุ้มกันร่างกายอ่อนแอลง ดังนั้นจึงมีความเสี่ยงในการรับเชื้อโรค และไวรัสต่างๆเข้ามาในร่ายกายได้ง่ายขึ้น ยิ่งปัจจุบันมีโรคโควิด 19 เพิ่มเข้ามา การทำให้ร่างกายของเราแข็งแรง และการสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ
Immune Booster จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการสร้างภูมิคุ้มกันร่างกายให้แข็งแรงด้วยการ กระตุ้นภูมิคุ้มกัน ซึ่งจะมีประโยชน์ในการช่วยกระตุ้นทำให้เม็ดเลือดขาวทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
Vitamin D3
ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกัน พร้อมติดอาวุธให้ร่างกาย
กระตุ้นการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาว ช่วยลดการเกาะติดของไวรัสกับเซลล์ในร่างกาย
ปัจจุบันคนไทยประมาณ 50% โดยเฉพาะในกรุงเทพ กว่า 71.4% มีภาวะขาดวิตามินดี โดยมีค่าเฉลี่ย vitamin D อยู่ที่ 26.0 ng/ml จากปกติควรอยู่ที่ 30.00 ng/ml เนื่องจากการใช้ชีวิตที่อยู่ในอาคารเป็นหลัก อยู่แต่ในที่ทำงาน และมักใช้ ครีมกันแดดเป็นประจำ รวมถึงสภาพแวดล้อมในเมืองที่มีตึกสูงหนาแน่น อากาศที่ไม่ค่อยถ่ายเท มลพิษ ฝุ่นควัน PM2.5 ทำให้ผู้คนก็ไม่ค่อยอยากออกมาทำกิจกรรมภายนอกอาคาร
สัญญาณของการขาดวิตามินดีที่คุณควรสังเกต
– มีอาการอ่อนล้าเรื้อรัง
– มีอาการปวดข้อเข่า
– มีการติดเชื้อต่างง่าย
– มีอาการปวดหลัง
– มีภาวะของโรคซึมเศร้า
– มีอาการแผลหายช้า
– มีอาการของโรคกระดูกพรุน
– มีอาการผมร่วง
ประโยชน์ของวิตามินดี
คนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่าวิตามินดีทำหน้าที่หลัก ในการช่วยให้กระดูกและฟันแข็งแรง แต่นั่นกลับเป็นเพียงแค่ 20% ของหน้าที่การทำงานทีแท่จริงของวิตามินดี เท่านั้น วิตามินดีไม่ใช่เพียงแค่ช่วยเรื่องกระดูกและฟัน แต่ยังมีความจำเป็นต่อแทบทุกระบบในร่างกาย หรือก็คือมีผลต่อสุขภาพ ความแข็งแรงของร่างกายนั้นเอง
– ช่วยในการเสริมสร้างพัฒนาเซลล์
– ช่วยต่อสู้กับการติดเชื้อ รวมถึงโรคหวัดและไข้หวัดใหญ่
– ช่วยลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง
– ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย
– ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจ
– ช่วยป้องกันการเกิดโรคภูมิแพ้ตัวเอง
– มีส่วนช่วยในการเสริมสร้างกระดูก
– ช่วยเพิ่มความแข็งแรงกล้ามเนื้อ
Vitamin B complex
วิตามินบีสำหรับบำรุงร่างกายและระบบประสาท
เป็นกลุ่มของวิตามินบีที่ใช้รักษาและป้องกันการขาดวิตามินบีชนิดต่าง ๆ เนื่องมาจากทุพภาวะโภชนาการ โรคบางชนิด ติดสุรา หรืออยู่ในช่วงตั้งครรภ์ ซึ่งจะช่วยเสริมการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกายที่แตกต่างกันออกไปตามชนิดของวิตามินบี โดยส่วนประกอบของวิตามินบีรวมในแต่ละสูตรอาจจะแตกต่างกันออกไปในแต่ละประเภทของยา วิตามินบีรวมจะประกอบด้วยวิตามินบีตั้งแต่ 3 ชนิดขึ้นไป และอาจมีมากถึง 8 ชนิดด้วยกัน โดยแต่ละชนิดก็มีประโยชน์ต่อร่างกายในด้านต่างๆ ซึ่งสามารถหารับประทานได้จากธรรมชาติด้วย ได้แก่
วิตามินบี 1 มีประโยชน์ต่อระบบประสาท และช่วยบำรุงสมอง รวมทั้งเสริมสร้างพลังงานให้แก่ร่างกาย
อาหารที่พบวิตามินบี 1 ได้แก่ เนื้อหมู นมถั่วเหลือง ข้าวสาลี ธัญพืช เมล็ดทานตะวัน ถั่ว งา
วิตามินบี 2 ให้พลังงานแก่ร่างกาย ช่วยลดอาการปวดหัวจากไมเกรน มีประโยชน์ต่อระบบการย่อยอาหาร
อาหารที่พบวิตามินบี 2 ได้แก่ ไข่ไก่ เนื้อวัว เครื่องในสัตว์ บรอกโคลี เห็ด ผักโขม
วิตามินบี 3 มีสารต้านอนุมูลอิสระ ชะลอการเสื่อมของร่างกาย ช่วยให้สมองและระบบประสาททำงานดีขึ้น
อาหารที่พบวิตามินบี 3 ได้แก่ เนื้อปลาทูน่า ปลาแซลมอน เนื้อไก่ ข้าวกล้อง ถั่วลิสง
วิตามินบี 5 ช่วยผลิตฮอร์โมนให้ร่างกาย มีประโยชน์ต่อระบบย่อยอาหาร บำรุงผิว ผม และเล็บ
อาหารที่พบวิตามินบี 5 ได้แก่ ข้าวกล้อง มันฝรั่ง เครื่องในสัตว์ ไข่ อาหารทะเล บรอกโคลี นม
วิตามินบี 6 ช่วยปรับสมดุลทางอารมณ์ กระตุ้นกระบวนการเมตาบอลิซึมในร่างกายให้ทำงานดีขึ้น
อาหารที่พบวิตามินบี 6 ได้แก่ อกไก่ เครื่องในสัตว์ มันฝรั่ง กล้วย ถั่ว
วิตามินบี 7 มีปริมาณสารอาหารที่เรียกว่า “ไบโอติน” ช่วยบำรุงสมอง และร่างกายส่วนต่างๆ เช่น ผิวหนัง ดวงตา เส้นผม เล็บ
อาหารที่พบวิตามินบี 7 ได้แก่ ไข่แดง ตับ ธัญพืช ถั่วลิสง อัลมอนด์ กล้วย ดอกกะหล่ำ
วิตามินบี 9 ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการของทารก สร้างเม็ดเลือดแดงและขาว ลดภาวะโลหิตจาง เสริมระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย
อาหารที่พบวิตามินบี 9 ได้แก่ ไข่ ตับ ถั่ว กล้วย อะโวคาโด และผักใบเขียว
วิตามินบี 12 เสริมสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง บำรุงประสาท ปรับสมดุลทางอารมณ์ ชะลอโรคสมองเสื่อม
อาหารที่พบวิตามินบี 12 ได้แก่ เนื้อสัตว์ ปลา ตับ ไข่ โยเกิร์ต นม ชีส
โดยสามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนกินวิตามินบีรวม เนื่องจากบางคนอาจได้รับผลข้างเคียงจากการกินวิตามินบีรวม เช่น ผู้ที่มีโรคประจำตัว ผู้ป่วยเบาหวานและโรคตับ รวมถึงผู้ที่มีประวัติการแพ้ยา เป็นต้น ส่วนสตรีมีครรภ์ หรือสตรีให้นมบุตร ก็ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเลือกใช้วิตามินบีรวม
Vitamin C
วิตามินซี (Vitamin C)
เป็นวิตามินที่ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้ จำเป็นต้องได้รับจากการทานเข้าไป มีหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันเซลล์จากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระภายในร่างกาย แหล่งอาหารที่มีปริมาณวิตามินซีสูง ได้แก่ อาหารจำพวกผักและผลไม้ เช่น ส้ม ฝรั่ง มะละกอ มะนาว กีวี พริกหยวก ผักกาด มะเขือเทศ หน่อไม้ฝรั่งและบล็อคโคลี่ เป็นต้น
แต่ในความเป็นจริงการรับประทานวิตามินซีจากผักผลไม้สดๆเป็นประจำอาจเป็นไปได้ยากและวิตามินซีเป็นวิตามินที่เสื่อมสลายได้ง่ายเมื่อโดนอากาศและความร้อนจากการปรุงอาหาร อาจทำให้เราได้รับปริมาณวิตามินซีต่อวันไม่เพียงพอตามความต้องการของร่างกายดังนั้นการเสริมสร้างวิตามินซีเพิ่มเติมเป็นประจำจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่นิยมกันในปัจจุบัน
ประโยชน์ของวิตามินซี
1. เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidant) ที่มีประสิทธิภาพสูงช่วยปกป้องเซลล์
2. เสริมภูมิต้านทานและช่วยบรรเทาอาการภูมิแพ้ เนื่องจากวิตามินซีมีคุณสมบัติ
ช่วยต่อต้านสารที่ก่อให้เกิดอาการภูมิแพ้ได้
3. สร้างคอลลาเจนเพื่อช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อต่างๆในร่างกาย ชะลอความแก่ และลดการเกิดริ้วรอยแห่งวัย
4. ช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน
5. ช่วยป้องกันการติดเชื้อไวรัสและแบคทีเรียหลายชนิด
6. ป้องกันการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันของคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL)
7. ช่วยลดการเกิดเส้นเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำ
8. ช่วยดูแลดวงตา ต่อต้านอนุมูลอิสระที่จะเกิดขึ้น ลดความเสี่ยงการเกิดโรคต้อกระจก
Immune Booster จะเน้นดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน และส่งเสริมสุขภาพทั้งร่างกาย และจิตใจ แต่ต้องย้ำว่า นวัตกรรมนี้เป็นเพียงตัวช่วยเสริมหรือกระตุ้นการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาว หรือกระบวนการทำงานต่างๆในร่างกาย ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งประสิทธิภาพจะมากหรือน้อยนั้น ก็ขึ้นอยู่กับการดูแลสุขภาพร่างกายของแต่ละบุคคล รวมถึงต้องคำนึงถึง มาตรการป้องกันโควิด – 19 อย่างเคร่งครัด
ทีมแพทย์สตาร์คลินิก มีประสบการณ์ด้านผิวพรรณและศัลยกรรมความงามมากกว่า 10 ปี
เปิดบริการทุกวัน เวลาทำการ 11.00 – 21.00 น.
ปรึกษาหรือสอบถามโปรโมชั่น โทร. 088-004-0005